วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553

รวมรูปภาพแนวอิมเพรสชันนิสม์สวยๆ(ต่อ)



 ชื่อภาพ “Nympheas” – ราว ค.ศ. 1916, พิพิธภัณฑ์มาโมแตง-โมเนท์, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส





ชื่อภาพ“วังที่เวนิส” (Palace From Mula, Venice) – ค.ศ. 1908, พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ, วอชิงตัน ดี.ซี., สหรัฐอเมริกา


ชื่อภาพ“ตึกรัฐสภาอังกฤษ ลอนดอน” (Houses of Parliament, London) – ค.ศ. 1904, พิพิธภัณฑ์มาโมแตง-โมเนท์, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส

 ชื่อภาพ“สะพานข้ามสระบัว” (Bridge over a Pool of Water Lilies) – ค.ศ. 1899, พิพิธภัณฑ์เมโทรโปลิตัน, นครนิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา




ชื่อภาพ“มหาวิหารรูออง (พระอาทิตย์ตก)” – ค.ศ. 1892-1894, พิพิธภัณฑ์มาโมแตง-โมเนท์, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส



ชื่อภาพ“กองฟาง (พระอาทิตย์ตก)” (The Cliffs at Etretat) – ค.ศ. 1890-1891, พิพิธภัณฑ์ศิลปะบอสตัน, สหรัฐอเมริกา


ชื่อภาพ“ภาพนิ่งกับดอกแอนนิโมนี” (Still-Life with Anemones) – ค.ศ. 1885, ภาพสะสมส่วนบุคคล, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส




ชื่อภาพ“หน้าผาที่เอทเทรทาท์” (The Cliffs at Etretat) – ค.ศ. 1885, สถาบันศิลปะคลาร์ค, วิลเลียมสทาวน์, มลรัฐแมสซาชูเซตส์, สหรัฐอเมริกา




วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553

รวมรูปภาพแนวอิมเพรสชันนิสม์สวยๆ


“เวทุยในหมอก” (Vétheuil in the Fog) – ค.ศ. 1879, พิพิธภัณฑ์มาโมแตง-โมเนท์, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส



“อาร์จองทุย” (Argenteuil) – ค.ศ. 1875, Musée de l'Orangerie, ปารีส



“ผู้หญิงกางร่ม” (Woman with a Parasol) – ค.ศ. 1867, พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ, วอชิงตัน ดี.ซี., สหรัฐอเมริกา



“ลุ่มแม่น้ำเซนกับอาร์จองทุย” (Seine Basin with Argenteuil) – ค.ศ. 1875, พิพิธภัณฑ์ดอร์เซ, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส



“สวนที่ซังแอดเดรส” (Jardin à Sainte-Adresse) – ค.ศ. 1867, พิพิธภัณฑ์เมโทรโปลิตัน, นครนิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา



“ผู้หญิงในสวน” (Woman in a Garden) – ค.ศ. 1867, พิพิธภัณฑ์เฮอร์มืทาจ, เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

“สวนดอกไม้ที่ซังแอดเดรส” (Flowering Garden at Sainte-Adresse) – ค.ศ. 1866, พิพิธภัณฑ์ดอร์เซ, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส



“Le dejeuner sur lherbe” (ด้านขวาเป็นกุสตาฟ คูเบท์) – ค.ศ. 1865-1866, พิพิธภัณฑ์ดอร์เซ, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส

“Le dejeuner sur lherbe” – ค.ศ. 1865-1866, พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งพุชคิน, มอสโคว์

ชื่อภาพ“บัวน้ำ” (Water Lilies) – ค.ศ. 1916, พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติ, โตเกียว, ประเทศ

วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

จิตรกรที่มีชื่อเสียง ๆ



"พอล โกแกง"
(เออแฌน อองรี พอล โกแกง หรือ พอล โกแกง)

เป็นจิตรกรสมัยอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลังชาวฝรั่งเศสในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ผู้มีความเชี่ยวชาญทางการเขียนภาพเขียนสีน้ำมัน

โกแกงเกิดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 1848 ที่ปารีสในประเทศฝรั่งเศส และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1903 ที่เกาะในโพลินีเซียฝรั่งเศส นอกจากการเป็นจิตรกรสมัยอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลังแล้วโกแกงยังทดลองการเขียนที่ใช้สีฉูดฉาดที่นำไปสู่การเขียนแบบสังเคราะห์นิยม (Synthetist) ของศิลปะสมัยใหม่ การเขียนของโกแกงเป็นวิธีที่มีอิทธิพลมาจากลัทธิคลัวซอนนิสม์ที่นำไปสู่งานเขียนที่เป็นแบบที่เรียกว่าบรรพกาลนิยม (Primitivism) และกลับไปสู่จิตรกรรมท้องทุ่ง (pastoral) นอกจากนั้นโกแกงก็ยังมีอิทธิพลต่อภาพพิมพ์ลายแกะ (engraving) และ ภาพพิมพ์แกะไม้ที่ยกระดับขึ้นเป็นงานศิลปะ

วันเกิด 7 มิถุนายน ค.ศ. 1848
ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส
วันเสียชีวิต 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1903
เกาะในโพลินีเซียฝรั่งเศส
เชื้อชาติ ฝรั่งเศส
สาขา จิตรกร
ประเภทงาน ภาพเขียนสีน้ำมัน
ยุค อิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง 


ภาพวาด
v
v


ชื่อภาพ“พระเยซูเหลือง” The Yellow Christ สร้างขึ้นเมื่อค.ศ. 1889


 +++++++++++++++++++++++++


ชื่อภาพ“สะพานที่โมเรท์เซอร์ลอยน์” (Pont de Moret-sur-Loing) – ราว ค.ศ. 1885



 
ชื่อภาพ “ทิวทัศน์คลองเซนตมาร์ติน” (Vue du canal Saint-Martin) – ค.ศ. 1870 พิพิธภัณฑ์ดอร์เซ, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส


^
^

วาดโดย


อัลเฟรด ซิสลีย์

เป็นจิตรกรสมัยอิมเพรสชั่นนิสม์แบบฝรั่งเศส คนสำคัญของประเทศอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีความเชี่ยวชาญทางการเขียนจิตรกรรมภูมิทัศน์ (Landscape painting)
  

 +++++++++++++++++++++++++


จิตรกรอิมเพรสชันนิสม์ใหม่..


เอดวด มาเนท์(ศิลปินImpressionism)

เอดวด มาเนท์ (ภาษาฝรั่งเศส: Édouard Manet) (23 มกราคม ค.ศ. 1832 - 30 เมษายน ค.ศ. 1883) เป็นจิตรกรสมัยอิมเพรสชั่นนิสม์คนสำคัญของประเทศฝรั่งเศสในคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีความสำคัญในการเขียนภาพสีน้ำมัน ผู้เป็นจิตรกรคนแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 19ที่เขียนภาพเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของคนทั่วไป มาเนท์เป็นจิตรกรคนสำคัญที่มีบทบาทในการเปลี่ยนจากการเขียนภาพแบบเหมือนจริง (Realism) ไปเป็นแบบอิมเพรสชั่นนิสม์

ผลงาน
v
v
ชื่อภาพ“เด็กเล่นขลุ่ย” (Young Flautist, or The Fifer) – ค.ศ. 1866, พิพิธภัณฑ์ดอร์เซ, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส
  ชื่อภาพ“ระเบียง” (The Balcony) – ราว ค.ศ. 1868-1869, พิพิธภัณฑ์ดอร์เซ, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส


ชื่อภาพ“เล่นเรือ” (Boating) – ค.ศ. 1874, พิพิธภัณฑ์เมโทรโปลิตัน, นครนิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา

 +++++++++++++++++++++++++

เอ็ดการ์ เดอกาส์



จิตรกร ประติมากร ช่างภาพพิมพ์ และช่างวาด สมัยอิมเพรสชันนิสม์คนสำคัญของประเทศฝรั่งเศสในคริสต์ศตวรรษที่ 19-20 เดอกาส์เป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนก่อตั้งศิลปะแบบอิมเพรสชั่นนิสม์แต่เดอกาส์มาหันหลังให้และชอบให้เรียกตนเองว่าศิลปินสัจนิยม (Realist) มากกว่า[1] นอกจากนั้นเดอกาส์ยังเป็นช่างเขียนแบบ (Draughtsman) ที่มีฝีมือดี ภาพที่เดอกาส์ชอบวาดคือภาพนักเต้นบัลเล่ต์ ซึ่งเป็นมากกว่าครึ่งของงานเขียนทั้งหมดที่เดอกาส์ทำ การวาดทำให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญของเดอกาส์ในการวาดความเคลื่อนไหว เช่นเดียวกับภาพที่วาดเกี่ยวกับสนามม้าและผู้หญิงเปลือย ภาพเหมือนของเดอกาส์ถือกันว่าเป็นภาพเขียนที่อยู่ในบรรดาภาพเขียนมีลักษณะดีที่สุดในประวัติศาสตร์ศิลปะ
 
ผลงาน
v
v
ชื่อภาพ“ภาพเหมือนของครอบครัวเบลเลลลิ” ค.ศ. 1858-ค.ศ. 1867, พิพิธภัณฑ์ดอร์เซ, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส 



 +++++++++++++++++++++++++


วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ลัทธิอิมเพรสชันนิสม์

มูลเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดศิลปะคตินิยมอิมเพรสชันนิสม์ พอสรุปได้ดังนี้

          +เป็นไปตามกฎวิวัฒนาการของธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอยางย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามครรลองของชีวิต สภาพหนึ่งสู่สภาพหนึ่ง ไม่สามารถหยุดอยู่กับที่ และความคิดร่วมสมัยย่อมเบื่อหน่ายกับสิ่งซ้ำซาก จำเจ มีกฎเกณฑ์ยุ่งยาก ไม่มีอิสระ ไม่มีการท้าทายสติปัญญา คตินิยมศิลปะแบบเก่า ๆ อาทิเช่น นีโอ-คลาสิค โรแมนติด และเรียลลิสม์ ซึ่งเกิดขึ้นและหมดความนิยมลง ล้วนเป็นบทพิสูจน์อันดีสำหรับกฎวิวัฒนาการ อนึ่ง สภาพของสังคม เศรษฐกิจ และ ปรัชญาของชีวิตได้แปรเปลี่ยน ไป คำว่าอิสรภาพ เสรีภาพ และภราดรภาพ เป็นหลักทั่วไปในการแสวงหาทางออกใหม่ ลัทธิปัจเจกชนได้รับการนับถือ ทางด้านเศรษฐกิจเป็นไปตามแนวเสรีนิยม ศิลปินต้องดำรงชีพอยู่ด้วยตนเองไม่มีข้อผูกพันหรือรับคำสั่งในการทำงานดังแต่ก่อน

          + ความก้าวหน้าทางวิชาการต่าง ๆ รุดไปอย่างรวดเร็วมาก โดยเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์การค้นคว้าทฤษฎีแม่สีแสงอาทิตย์เพิ่มเติม และนักวิทยาศาสตร์ชื่อ เชฟเริล (Chevereul) ได้เขียนตำราเกี่ยวกับทฤษฎีสี เป็นมูลเหตึจูงใจให้ศิลปินเห็นทางใหม่ในการแสดงออก ประกอบกับได้มีการประดิษฐ์กล้องถ่ายรูป ทำให้เขียนภาพเหมือนจริงลดความนิยมลงไป เพราะสิ่งประดิษฐ์ใหม่นี้ให้ผลิตผลที่เหมือนจริงและรวดเร็วกว่า

          + การคมนาคมโดยทั่วไปได้รับการพัฒนาให้รวดเร็วขึ้น ความเคลื่อนไหวถ่ายเททางศิลปวัฒนธรรมของชาติต่างเป็นไปโดยสะดวก ทำให้ศิลปินมีทรรศนะกว้างขวาง มีความเข้าใจต่อโลกภายนอกมากยิ่งขึ้น ดังตัวอย่างเช่น ในปี ค.ศ. 1867 มีการแสดงนิทรรศการศิลปกรรมของญี่ปุ่นขึ้นในปารีสซึ่งก่อให้เกิดแรงดลใจต่อศิลปินหนุ่มสาว หัวก้าวหน้าในยุคนั้นอย่างมากเป็นต้น

         + มีการพัฒนาสืบทอดความคิดของศิลปินรุ่นก่อนหน้านี้ ได้แก่พวกเรียลลิสต์ ซึ่งนิยมสร้างจากความเป็นจริงที่สามารถมองเห็นได้ และพวกจิตรกรหนุ่มกลุ่มธรรมชาตินิยม โดยเฉพาะพวกกลุ่มบาร์บิซง ซึ่งรวกันไปอยู่ที่หมู่บ้านบาร์บิซง ใกล้ป่าฟงแตนโบล อยู่ไม่ห่างจากปารีสเท่าใดนัก กลุ่มนี้จะยึดถือเอาธรรมชาติ อันได้แก่ ขุนเขาลำเนาไพร เป็นสิ่งที่มีความงามอันบริสุทธิ์และมีคุณค่าสูงสุดพวกเขาจะออกไปวาดภาพ ณ สถานที่ที่ต้องการ ไม่มัวนั่งจินตนาการอยู่ในห้องดังแต่ก่อน นอกจากนี้ยังได้รับแรงดลใจจากจิตรกรอังกฤษสองคน คือ จอห์น คอนสเตเบิล และวิลเลียม เทอร์เนอร์ ซึ่งมีแนวการสร้างงานคล้ายกลับกลุ่มบาร์บิซง


+++++++++++++++++++++++++++


วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อิมเพรสชันนิสม์ เป็นแบบไหน ?

             ลักษณะของภาพวาดแบบอิมเพรสชันนิสม์ คือ การใช้พู่กันตวัดสีอย่างเข้ม ๆ
ใช้สีสว่าง ๆ มีส่วนประกอบของภาพที่ไม่ถูกบีบ เน้นไปยังคุณภาพที่แปรผันของแสง
(มักจะเน้นไปยังผลลัพธ์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเวลา)
เนื้อหาของภาพเป็นเรื่องธรรมดา ๆ และมีมุมมองที่พิเศษ

             จิตรกรแนวอิมเพรสชันนิสม์ได้ฉีกกรอบการวาดที่มาตั้งแต่อดีต พวกเขาจึงได้ชื่อว่าเป็นพวกขบถ พวกเขาได้วาดภาพจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในปัจจุบันให้ดูประหลาดและไม่สิ้นสุดสำหรับสาธารณชนที่มาดูงานของพวกเขานักวาดแนวนี้ปฏิเสธที่จะนำเสนอความงามในอุดมคติ และมองไปยังความงามที่เกิดจากสิ่งสามัญแทน พวกเขามักจะวาดภาพกลางแจ้ง มากกว่าในห้องสตูดิโอ อย่างที่ศิลปินทั่วไปนิยมกัน เพื่อที่จะลอกเลียนแสงที่แปรเปลี่ยนอยู่เสมอในมุมมองต่าง ๆ

              ภาพวาดแบบอิมเพรสชันนิสม์ ประกอบด้วยการตวัดพู่กันแบบเป็นเส้นสั้น ๆ ของสีซึ่งไม่ได้ผสมหรือแยกเป็นสีใดสีหนึ่ง ซึ่งได้ให้ภาพที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและมีชีวิตชีวา พื้นผิวของภาพวาดนั้นมักจะเกิดจากการระบายสีแบบหนา ๆ ซึ่งทำให้พวกเขาแตกต่างจากนักเขียนยุคเก่าที่จะเน้นการผสมผสานสีอย่างกลมกลืนเพื่อให้ผู้อื่นคิดว่ากำลังมองภาพวาดบนแผ่นแฟรมให้น้อยที่สุด องค์ประกอบของอิมเพรสชันนิสม์ ยังถูกทำให้ง่ายและแปลกใหม่ และจะเน้นไปยังมุมมองแบบกว้าง ๆ มากกว่ารายละเอียด


++++++++++++++++++++++++++++


อิมเพรสชันนิสม์ คือ ?

ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์ (Impressionism) เป็นขบวนการศิลปะที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 19 ซึ่งเริ่มต้นจากการรวมตัวกันอย่างหลวม ๆ ของจิตรกรทั้งหลายที่มีนิวาสถานอยู่ในกรุงปารีส พวกเขาเริ่มจัดแสดงงานศิลปะในช่วงทศวรรษที่ 1860 ชื่อของขบวนการนี้มีที่มาจากภาพวาดของโกลด มอแน ที่มีชื่อว่า Impression, Sunrise และนักวิจารณ์ศิลปะนามว่าหลุยส์ เลอรัว (Louis Leroy) ก็ได้ให้กำเนิดคำคำนี้ขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจในบทวิจารณ์ศิลปะเชิงเสียดสีซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ Le Charivari อิทธิพลของอิมเพรสชันนิสม์ ยังแผ่ออกจากวงการศิลปะไปยังดนตรีและวรรณกรรม





+++++++++++++++++++++++++++++++++++